วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สมุนไพรในบ้าน รักษากลิ่นปาก ลมหายใจมีกลิ่น

ฝรั่ง
วิธีใช้

  1. เด็ดใบมาเคี้ยวสดๆ
  2. เด็ดใบฝรั่งสด 1-2 ใบ มาตำ คั้นเอาน้ำบ้วนปาก
  3. กินผลฝรั่งสดๆ
เกลือ
วิธีใช้
นำเกลือมาละลายน้ำ อมกลั้วปากและคอทุกเช้า

ผักชี
วิธีใช้
  1. นำเมล็ดมาเคี้ยว
  2. ใช้เมล็ดเติมน้ำ 5 ส่วน ต้มให้เหลือ 1 ส่วน เอาน้ำที่ได้มาบ้วนปาก

สมุนไพรในบ้านบำรุงร่างกาย(หลังเจ็บป่วย)

ถั่วเขียว
วิธีใช้
นำถั่วเขียวมาต้มกับน้ำตาลกรวด กินเป็นถั่วเขียวต้ม

สมุนไพรในบ้านแก้เจ็บคอ

กระเทียม

วิธีใช้
นำกระเทียมมาตำแล้วคั้นน้ำผสมด้วยน้ำอุ่น เติมเกลือเล็กน้อย ใช้กลั้วคอ

ขิง

วิธีใช้
ใช้เหง้าขิงแก่ๆ ฝนกับน้ำมะนาว แทรกเกลือ ใช้กวาดคอ หรือจิบบ่อยๆ

ผักชี

วิธีใช้
ใช้เมล็ดบดให้เป็นผง ผสมน้ำดื่ม

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สมุนไพรในบ้าน


รางจืด ที่ปลูกง่ายตายยาก มากประโยชน์

ในแต่ละปีคนไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพเป็นแสนล้านบาท
การดูแลสุขภาพตนเองหรือคนในครอบครัวเป็นหนทางหนึ่งในการดูแลพึ่งตนเอง โรคที่ไม่ซับช้อน ไม่มีอันตรายมาก เราอาจใช้สมุนไพร บรรเทาอาการหรือรักษาได้โดยไม่พึ่งยาฝรั่งทีมีราคาแพง ดังที่อาจารย์ประเวศ วะสี เคยพูดว่า คนไทยเวลาจะถ่ายต้องจ่ายเงินให้ฝรั่งมาถ่ายให้
ในครัวเรือนแต่ละบ้านมีพืชสมุนไพรที่ใช้ประจำอยู่มากมายโดยที่เราไม่รู้ หากรู้เราจะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกมากมาย
วิธีการเตรียมพืชแห้ง
เอาพืชที่ต้องการใช้มาเลือกสิ่งแปลกปลอมออกให้หมด ทำความสะอาด เช่น เปลือกราก เปลือกต้น ล้างหรือขูดผิวนอกออกหั่นเป็นชิ้นตากแดดให้แห้งเก็บเอาไว้ใช้ พวกหัวมัและรากควรเอาไปนึ่งให้สุกก่อนจึงนำไปตากแห้ง พวกผลควรใช้น้ำร้อนลวกแล้วนำไปตากแห้ง พืชที่มีกลิ่นหอมจำพวกใบและดอก ไม่นำไปตากแดดโดยตรง เพราะกลิ่นหอมจะระเหย และสีดอกซีด วิธีที่นิยมคือ แผ่ในกระด้ง หรือตะแกรง ผึ่งไว้ในที่ร่มที่มีลมไกรกประมาณ ๑-๒ สัปดาห์ เก็บใส่ถุงให้มิดชิด หรือทิ้งให้แห้งในตู้เยน สีและกลิ่นจะคงเดิม
พืชสวนครัวที่เป็นสมุนไพรในบ้านสามารถเก็บมาใช้ยามจำเป็นโดยไม่ต้องชื้อหา

การเก็บรักษา
ต้องเก็บในภาชนะที่แห้งมีฝาปิดสนิท หรือในถุงผ้า หรือถุงพลาสติกรัดปากถุงให้แน่นเพื่อกันมอดและแมลงเข้าไปกัดกิน หมั่นนำออกภาชนะปิดสนิทในที่เย็น ถ้าภาชนะเป็นแก้วใสอย่าวางไว้ในที่มีแสงแดดส่องถึง ถ้าจะให้ดีเก็บในห้องมืด และต้องเขียนฉลากระบุชื่อของสมุนไพรปิดไว้ข้างภาชนะเสมอและระบุวันเก็บยานั้นด้วย
การปรุงยาสมุนไพร
ยาชง
สมุนไพรที่มีกลิ่นหอมมักใช้ในรูปชาสมุนไพรชึ่งนอกจากจะแก้กระหายแล้ว การชใช้ดื่มประจำช่วยบำบัดอาการโรคบางชนิดได้ พืชที่นำมาใช้ในรูปยาชงจะต้องไม่มีสารที่ออกฤทธิ์รุนแรงต่อร่างกายสามารถดื่มได้บ่อยๆ โดยไม่จำกัดขนาดใช้ สมุนไพรประเพศที่นำมาแต่งกลิ่นอาหารเช่น ขิง สะระแหน่ เมล็ดผักชี ฯลฯ จึงทำชาได้อย่างดี ชาสมุนไพรที่มีคุณภาพดีมีวิธีการปรุง ดังนี้
พืชแห้งดเป็นผงหยาบ ๑ ซ้อนชา (พืชสดใช้ขนาดสองเท่า ทุบให้ช้ำก่อน)ต่อน้ำเดือด ๑ ถ้วยชา ถ้้าต้องการรสอ่อนให้เติมน้ำมากขึ้น ถ้าเป็นเมล็ดทุบให้แตกใช้ ๑ ซ้อนโต๊ะต่อน้ำ ๓-๔ ถ้วยชา ก่อนชงให้อุ่นภาชนะที่ใช้ควรเป็นกระเบื้องเคลือบหรือแก้ว เติมสมุนไพรลงไปแล้วรินน้ำที่กำลังเดือดตามลงไปในอัตราส่วนที่กล่าวมาแล้วปิดฝาทิ้งไว้ ๑๐-๑๕นาที แล้วรินดื่มขณะร้อน ไม่ควรแช่นานเกินไปเพราะจะทำให้สารอื่นๆที่ออกฤทธิ์ไม่พึงประสงค์ละลายออกมา เช่่น ชาจีนถ้าชงแช่น้ำนานเกินไปจะทำให้ท้องผูก ดังนั้น ถ้าต้องการแก้ท้องเสียควรใช้เวลาต้มชาร้อนนานๆ นอกจากนี้ควรใช้ชาสมุนไพรที่ชงขึ้นสดใหม่ ไม่ใช้กากสมุนไพรหรือน้ำชาข้้ามวัน เพราะชาที่ได้จะบูดเสีย
ยาต้ม 
เหมาะสำหรับสมุนไพรที่มีลักษณะแข็ง เ่น ราก เปลือก กิ่ง เมล็ดเปลือกแข็ง ต้องใช้เลาต้มนานและใช้ความร้อนสูงจึงจะสกัดสารในพืชออกมาได้ ภาชนะต้มให้ใช้หม้อดินหรือหม้อเคลือบ ห้ามใช้หม้ออะลูมีเียมหรือโลหะอเทคนิคการเตรียมยาต้ม ได้แก่
  1. ใส่น้ำให้ท่วมยา ใช้ไฟไม่แรงเกินไป ควรต้มให้เดือดอย่างน้อย ๑๕ นาที ยกเว้นที่บ่งเป็นกรณีพิเศษ
  2. คอยดูอย่าให้น้ำงวดจนไหม้
  3. ปกติยาหม้อหนึ่งต้มได้สามครั้ง กินภายในหนึ่งวันแล้วทิ้งไปไม่ใช้ยาข้ามวัน ยกเว้นตำรับยาที่มีการระบุไว้พิเศษ

ขี้ผึ้งสมุนไพร
เหมาะสำหรับตัวยาสมุนไพรบางชนิดที่ไม่ละลายน้ำแต่ละลายในน้ำมันหรือเหล้า เช่น แคปชายซิน มีในพริก หรือน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากพืชต่างๆ การเตรียมขี้ผึ้งสมุนไพรมีสองขั้นตอนคือ
  1. ขั้นตอนการเตรียมขี้ผึ้ง ใช้ขี้ผึ้ง ( beeswax)ผสมกับน้ำมันพืชในอัตราส่วน ๑ต่อ๔ ถ้าต้องการให้เนื้อขี้ผึ้งแข็งก็เติมขี้ผึ้งให้มากขึ้น นำมาอุ่นในหม้ออังไอน้ำคนให้เข้ากัน แล้วยกลงทิ้งไว้สักครู่ หรืออาจใช้วาสลินเปนเนื้อขี้ผึ้งก็ได้
  2. และขั้นตอนการเตรียมยาสมุนไพร มีหลายวิธีขึ้นอยู่กับตัวยาจำพวกน้ำมันหอมระเหยให้ใช้สมุนไพรมากลั่นโดยตรง พวกที่กลั่นไม่ได้ให้ใช้เหล้าสะกัด นำมาระเหยให้ตัวยาเข้มข้นขึ้น หรือใช้น้ำมันสกัด โดยแบ่งน้ำมันพืชจากอัตราส่วนที่ใช้ทำน้ำผึ้งมาอุ่นกับสมุนไพรก่อนประมาณสองชั่วโมง แล้วกรองเอาแต่น้ำมันไว้  คำนวณปริมาณทั้งสองส่วน เพื่อให้ได้ขี้ผึ้งที่มีตัวยาตามต้องการ แล้วนำมาผสมให้เข้ากัน เทคนิคในการผสมให้แบ่งจำนวนขี้ผึ้งหรือวาสลินให้ไกล้เคียงกับปริมาณตัวยา แล้วผสมให้เข้ากัน แบ่งขี้ผึ้งที่เหลือนั้นมาอีกครั้งให้ไกล้เคียงกับจำนวนที่ผสมอยู่ ผสมให้เข้ากันอีกทำเช่นนี้จนได้เป็นเนื้อเดียวกัน 
ยาพอกสมุนไพร 
การทำยาพอกด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด คือการตำหรือตัด หรือบดสมุนไพรสดๆ ให้ละเอียดเพื่อให้น้ำสมุนไพรออกมา นำมาปิดพอกบริเวณที่เป็น วิธีการเช่นนี้เหมาะสำหรับสมุนไพรที่ไม่มีการระคายเคืองหรือกัดผิวหนัง ส่วนพวกที่ระคายเคืองมากๆเช่น พริก จะทำให้ผิวหนังบวมแดง อาจแก้ไขโดยการห่อผ้าอีกชั้นหนึ่งก่อน หรือใช้นวดผสมกับแป้งหมี่ (อัตราส่วนการผสมขึ้นอยู่กัับความแรงของยาที่ต้องการ)
หากใช้สมุนไพรใดแล้วอาการดีขึ้น ควรจดบันทึกสถาพแวดล้อมอาการและวิธีการใช้เพื่อนำไปเผยแพร่แก่ผ้อื่นต่อไป หรือหากใช้แล้วอาการไม่ดีขึ้น ก็ควรปรึกาผู้รู้เพื่อหาวิธีการรักษาอื่นๆต่อไป

สมุนไพรในบ้านรักษาอาการไอแบบมีเสมหะ



มะขาม

วิธีใช้

  1. นำมะขามเปียกหรือมะขามที่แก่จัดมาคันน้ำเติมเกลือเล็กน้อย จิบทีละนิด
  2. นำมะขามเปียกประมาณ 1 ปั้น นำไปต้มให้เดือดประมาณ 5-10 นาที  กรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วนำมาเติมเกลือและน้ำตาล ให้จิบหรือดื่มแทนน้ำ ระวังหากดื่มมากไปจะเป็นยาระบายท้อง
มะนาว

วิธีใช้
น้ำคันจากมะนาวสด 1 ผล ผสมน้ำผึ้ง ปริมาณเท่ากับน้ำมะนาว เติมเกลือหยิบมือ คนให้เข้ากัน จิบบ่อยๆ

สมุนไพรในบ้าน แก้หวัด คัดจมูก



หอมแดง
วิธีใช้

  1. นำหอมแดงทุบให้แตก ใส่ลงในน้ำเดือด เปิดฝาหม้อบางส่วนให้ไอน้ำขึ้นมารมบริเวณใบหน้า ค่อยคอยสูดไอน้ำเข้าไประวังอย่าเปิดฝาหม้อทีเดียวเพราะไอน้ำจะลวกหน้าได้
  2. นำหอมแดงมาตำสุมบริเวณกระหม่อมเด็ก
  3. นำหอมแดงมาทุบให้แตก ใส่จานวางไว้หัวนอน จะช่วยบรรเทาอาการเป็นหวัดคัดจมูกเวลานอน

ขมิ้นชัน


วิธีใช้ 
  • นำขมิ้นชันมาฝานบางๆ ใช้ดมแก้หวัด คัดจมูก